การแสดงความเป็นเจ้าของ

ผมสังเกตดูแล้วน่าจะมี 2 กรณี คือ ใช้ความเป็นเจ้าของด้วย Possession เช้น my your her his its แต่ถ้าไม่มี pronoun ให้ใช้หละ เช่นถ้าเราจะบอกว่าปุ่มของ mouse จะใช้ยังไง หลายคนอาจจะรู้แล้ว แต่บางคนอาจะไม่รู้ ก็ใช้ mouse's button ไง

ให้เอาคำนามหลักขึ้นก่อน หรือตัวอย่างอื่นๆ เช่น boss’s temper (อารมณ์ของเจ้านาย) James’s Japanese car (รถญี่ปุ่นของ James) หรือถ้าเราพูดคุยกันแล้วรู้ว่ากำลังพูดถึง James ก็จะใช้ his Japanese car ก็ได้

ดังนั้นจะใช้ my's son ไม่ได้ หรือ your're son ก็ไม่ได้ แต่ถ้าเป็น you're son ได้ แต่คนละความหมาย เพราะ your son หมายถึงลูกคุณซึ่งมีคนเดียว แต่ you're son หมายถึง คุณเป็นลูกคนเดียว

อีกอย่างถ้าคำนามเป็นพหูพจน์ จะใช้เพียง ' เท่านั้นในการแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น employees' bonuses my friends’ parties เป็นต้น

จุดสังเกตอีกจุดคือถ้าเป็นคำนามเอกพจน์ที่มี s อยู่ข้างท้ายเช่น James เราจะใช้ James's car หรือ James' car ก็ได้เหมือนกันแล้วแต่ว่าอันไหนสวยงามกว่า (ในหนังสือเขาว่างี้นะ) แต่ส่วนใหญ่ที่เห็น จะใช้ 's มากกว่า James's car จะเห็นมากกว่า

ความสงสัยในการใช้ have , has

ผมว่าการใช้ verb เป็นอุปสรรคที่สุดสำหรับการเขียนภาษาอังกฤษ เนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่มีโครงสร้าง verb ที่ซับซ้อน (ในทัศนของผมนะครับ) เราไม่รู้ว่าจะใช้ is หรือ have หรือ อะไรเมื่อไหร่ดี อย่างเช่น ผมเจอประโยคในงานวิจัย เขียนว่า


We have collected emprical support for the premise that much web-based commercial activity is regionally focused.

ถ้าไปเข้า google translate จะแปลให้ว่า "เราได้เก็บรวบรวม emprical สนับสนุนสำหรับหลักฐานที่มากเว็บตามกิจกรรมเชิงพาณิชย์เป็นภูมิภาคเน้น" คือแปลเกือบดีแต่ไม่ดีนะครับ ต้องมาปรับ

ผมว่ามันน่าจะแปลว่า เราได้เก็บรวบรวมเอกสารที่มีหลักฐานอ้างอิงได้จำนวนมากพอสมควรที่ระบุได้ว่ากิจกรรมทางการค้าผ่านเว็บไซต์นั้นมุ่งเน้นไปที่ส่วนภูมิภาค


ข้อสงสัยคือทำไมต้อง have collected ด้วย ถ้าใช้ collect เฉยๆ ได้ไหม ผมเลยลองไปหา หนังสือ grammar อ่านดู ก็พอจะเข้าใจได้ว่า collect ที่เป็น verb1 มันหมายถึงเหตุการณ์ที่เป็น fact หรือเหตุการณ์ที่ทำประจำ แต่ในกรณีนี้ผู้เขียนต้องการชี้ให้เห็นว่าเขาได้ทำการเก็บรวมรวมเอกสารที่สำคัญ และปัจจุบันก็ยังทำอยู่ แน่นอนว่าการทำวิจัยต้องเก็บข้อมูลอยู่ตลอด การใช้ have collected จึงเป็นส่งที่เหมาะสมกว่า เพราะแสดงให้เห็นว่าผู้วิจัยได้ดำเนินการมาแล้วในอดีต และดำเนินมาเรื่อยจนถึงปัจจุบัน


have /has + V3 เป็น Present perfect คือทำมาแล้วในอดีต แต่ปัจจุบันก็ยังคงรวบรวมอยู่


ดังนั้นสิ่งที่ต้องคำนึงในการเขียนภาษาอังกฤษคือมีเรื่องของกาล หรือ tense เข้าเกี่ยวข้องเราต้องชัดตรงนี้ก่อนว่ามันจะใช้ verb ไหนกับอะไร ผมว่าต้องลองสังเกตประโยคที่เขาเขียนแล้วลองเอามาวิเคราะห์ดู เราถึงจะเขียนและพูดภาษาอังกฤษได้ดีครับ


ลองพิจารณาต่อนะครับ Geography has wormed its way into cyberspcace, using toos such as sales tax, credit-card restrictions and shipping. หมายความว่า ความเป็นภูมิศาสตร์ได้มีวิธีการในการซ่อนเร้นตัวเองในโลกไซเบอร์ ซ่อนอย่างไรเขาก็บอกว่าซ่อนโดยใช้เครื่องมือ เช่น sales tax, credit-card restrictions ฯลฯ แต่ประเด็น คือเราเห็นอีกแล้วว่า has / have +v3 คือสิ่งที่เกิดขึ้น และมันยังคงเกิดขึ้นอยู่ ถ้าเราต้องการใช้ความหมายนี้ในประโยคข้อเขียนก็ใช้ has / have + v3 ได้เลย It has begun ไม่ใช่ It has begin แน่นอน และก็ไม่ใช่ It is has begin หรือ It is has begun เพราะมันไม่มีไวยกรณ์รองรับ


ผมว่าการสังเกตประโยคที่คนอื่นเขียนน่าจะช่วยให้เราเขียนได้ดีขึ้น และอีกอย่าง have/has ปกติจะใช้ในความหมายว่า มี แต่ถ้าไม่ปกติก็จะอยู่ในรูปของ perfect tense ทั้งหลาย แต่ก็ไม่แน่ใจว่ายังมีใช้ที่อื่นอีกหรือเปล่านะครับ แต่ที่เห็นบ่อยก็ประมาณนี้ ตัวอย่างของ have/has ในความหมายว่ามี เช่น


Business within a region have a greater ability to captalize on local expertise. สังเกตดูว่าถ้าใช้ในความหมายว่ามีจะตามด้วย กรรม จะไม่ตามด้วย V3





เบื้องต้น การใช้ Mr. Miss Mrs. และการทักทาย

What is your name ?
My name is …………
What is your firstname ? (ถามชื่อ)
What is your lastname ? (ถามนามสกุล)

Possession
Singular my, your, his, her its
Plural our(somtimes your), their

What is (your, his or her) (name, firstname or lastname) ?
(My, His, Her) (name, firstname or lastname) is ………

Single and married
สำหรับผู้ชายใช้ Mr. นำหน้าเสมอ ผู้หญิง Ms.(มิส) นำหน้าถ้าไม่ทราบว่าแต่งงานหรือยัง เพรา Ms. ใช้นำหน้าได้ทั้งคนที่แต่งงาน และยังไม่แต่งงาน หรือหากเป็นการแยกระหว่างคนที่แต่งงานกับไม่แต่งงาน Miss (มิส) ใช้กับคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน Mrs (มิส'ซิซ) ถ้าแต่งงานแล้ว
การใช้ Mr. Ms. หรือ Mrs. ให้ตามด้วย ชื่อกับสกุล หรือตามด้วยเพียงสกุลก็ได้ เช่น Mr. Rath Jairak หรือ Mr. Jairak ก็ได้

การใช้ V.be แบบเต็ม และแบบย่อ เพื่อแสดงสถานะ
I am Rath Jairak. หรือ I’m Rath Jairak. หรือ My name is Rath Jairak.
You are Ken หรือ You’re Ken หรือ Your name is Ken.
He is Ali หรือ He’s Ali หรือ His name is Ali
She is Mary หรือ She’s Mary หรือ Her name is Mary
It is Dolly หรือ It’s Dolly หรือ Its name is Dolly.

การตอบรับหรือปฏิเสธ เพื่อแสดงชื่อ หรือสถานะ

เช่น Are you Ali. (Yes, I am. No, I’m not.)
Is he Ali (Yes, he is. No, he is not. No, he’s not. หรือ No, he isn’t.)

ที่แปลกไป คือ Are we students ?
ตอบรับ Yes, we are. หรือ Yes, you are.
ปฏิเสธ No, we aren’t หรือ No, we’re not. No, you aren’t หรือ No, you’re not.

การแนะนำผู้อื่นให้รู้จักกันในการเจอกันครั้งแรก
Ali : Tom, This is Joe.
Tom : It’s nice to meet you, Joe.
Joe : It’s nice to meet you, too.

การแนะนำในกรณีที่เจอกันเอง
Ali : Hello, I’m Ali.
Tom : I’m Tom. Nice to meet you.
Ali : Nice to meet you, too.
การบอกลา ใช้ Good-bye หรือ Bye หรือ See you หรือ See you tomorrow หรือ See you later

Noun

เรื่องที่ต้องระวังเกี่ยวกับ Noun ได้แก่ number type case และ gender

Number : ต้องระวังในเรื่องของการเป็น singular หรือ plural ของ Noun โดยปกติ Noun ที่เป็น singular จะอยู่ในรูปปกติ คือไม่มีการเติม s หรือ es เหมือนอย่าง Noun ที่เป็น plural แต่ก็มี Noun บางตัวที่ใช้การเปลี่ยนรูปแทน เช่น mouse เป็น mice หรืออย่างนามที่นับไม่ได้ เช่น sand ก็ต้องถามด้วย how much แทน how many

ตัวอย่าง Noun ที่เป็น mass หรือ uncountable nouns : compassion courage love peace sugar sand strength water
หรือมีอีกหลายคำที่เป็นข้อยกเว้นจากปกติ ตัวอย่างประโยคเช่น

Economics 101 is very difficult. ถึงแม้ Economic จะเติม s แต่ก็เป็น singular หรืออย่าง The economics of going for work are also difficult. ซึ่ง economics ในประโยคที่ 2 นี้จะเป็นการพิจารณาทางด้านการเงินซึ่งมีมากกว่า 1 ทาง
ตัวอย่าง Noun ที่เปลี่ยนรูป หรืออาจคงรูปเดิม เช่น

Deer (S) Deer (P) Datum (S) Data (P) thesis (S) theses (P) wolf (S) wolves (P)
ตัวอย่างประโยคต่อไปนี้ก็เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ

We have the means to connect to the Internet. ในที่นี้ Noun : means เป็นได้ทั้ง singular และ plural เราจะไม่เขียน meanses ในรูปแบบของ plural means ในประโยคนี้จะหมายถึง กรรมวิธี หรือสิ่งที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เราเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ เช่น service provider cable modem router และ computer ก็ถือเป็น means ในที่นี้

Type : Noun สามารถเป็นได้ 2 ประเภท คือ proper (นามเฉพาะ) และ common (นามทั่วไป) ทั่วไป proper noun จะขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของประโยค ยกเว้นเสียแต่เป็นชื่อทางการค้าที่เฉพาะ อาจขึ้นต้นด้วยตัวเล็ก เช่น eBay eTrade เป็นต้น


ตัวอย่าง proper noun : Albert Einstein เป็น proper noun ของ common noun physicist Princeton เป็น proper noun ของ common noun university เป็นต้น


Case : เป็นหน้าที่หรือ function การทำงานของ Noun ซึ่งมี 3 หน้าที่ด้วยกัน คือ subject (ทำหน้าที่เป็นประธาน) object (ทำหน้าที่เป็นกรรม) possession (ทำหน้าที่แสดงความเป็นเจ้าของ) ศึกษาตัวอย่างประโยคต่อไปนี้

The scientist gave his assistant the laboratory's critical data. scientist เป็น case ของ subject his assistant เป็น indirect object laboratory's เป็น possessive adjective และ critical data เป็น direct object
การแสดงความเป็นเจ้าของของนาม (nouns possessive)

Singular ที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย s ให้เติม 's เช่น computer's cost (ราคาของเครื่องคอมฯ) Singular ที่ลงท้ายด้วย s จะเติม 's หรือ ' ก็ได้ขึ้นอยู่กับความสวยงาม เช่น Phyllis' Website หรือ Phyllis's Website ก็มีความหมายเหมือนกัน ส่วน Plural ถ้าเป็นคำที่เติม s ให้เติมเพียง ' ส่วน plural ที่ไม่เติม s ให้เติม 's เข้าไปข้างหลัง เช่น computers' cost และ vertebrae's location
Case ที่มี Gerunds (verb ที่เติม ing แต่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็น verb ถือเป็น Verbal) ศึกษาตัวอย่างประโยค ต่อไปนี้


The technician's calibrating of the vectorscope required more time than we had budgeted. การ calibarte เครื่อง หรือ calibarting ถือเป็น gerund เป็นส่วนหนึ่งของ subject (technician's calibrating) ซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่เป็น verb ในที่นี้ cailibrating เป็น verbal

Gender : Noun มี 3 เพศ คือ male, female และ neuter จริงๆ แล้ว Noun ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการใช้เพศมากนัก แต่ Pronouns ต่างหากที่มีการยุ่งเกี่ยวกับการใช้ เพศมากกว่า


Appositive : คือ noun หรือ noun phrase ที่วางไว้ข้างหลัง เพื่อขยายความ noun หลัก appositive สามารถตัดออกไปได้ ไม่ทำให้ความสมบูรณ์ของประโยคเสียไป เช่น
My 286 computer, a modern-day dinosaur, chews floppy disks as noisily as my brother does peanut brittle. จากประโยคนี้ a modern-day dinosour คือ appositive ที่ขยายความ subject my 286 computer

Noun clauses : คือ subordinate clause ที่ทำหน้าที่แทน noun ซึ่งหน้าที่เป็นไปตาม case ต่างๆ ที่ระบุไว้ข้างต้น ลองศึกษาประโยคต่อไปนี้
Whatever you help me is useful. clause whatever you help me ทำหน้าที่แทน noun ที่เป็น subject ของประโยค (subject case) We believe that he is not guity. that he is not guity เป็น clause ที่ทำหน้าที่แทน noun ที่เป็น object ของประโยค (object case)
การรู้ความเป็นไปในหน้าที่ของ Noun จะทำให้ทักษะการอ่าน พูด และเขียน แม่นยำขึ้นว่า ลักษณะของคำนามที่สื่อออกไปนั้นถูกต้องหรือไม่ ทำให้ผู้ฟัง หรือผู้อ่านสับสนหรือไม่

Compound and Complex Sentences

ในการเขียนภาษาอังกฤษย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีประโยคมากกว่า 2 ประโยคใช้ร่วมกัน ซึ่งเป็นไปได้ 2 แบบ คือ Compound Sentece และ Complex Sentences

Compound Sentence : การเชื่อม main clause หรือ independent clause ด้วย coordinating conjunctions ตัวอย่างประโยค เช่น The new processor outperforms its predecessor, but it costs twice as much


ประโยคสีน้ำเงิน คือ main clause ที่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับประโยคที่ตามหลัง but ซึ่งเป็น coordinating conjunctions ก็อยู่ได้ด้วยตัวเอง ให้ความหมายได้ด้วยตัวเอง ซึ่งประโยคที่อยู่ได้ด้วยตัวเองแล้วไม่ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของความหมายนี้จะเรียกว่า main clause หรือ independent clause ตัวอย่าง coordinating conjunctions ที่ใช้บ่อย ได้แก่ and but or so

Complex Sentence : การเชื่อม main clause กับ dependent clause เข้าด้วยกัน ด้วย subordinate conjunction dependent clause นั้นไม่สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้เหมือน main clause ตัวอย่างประโยค เช่น The new processor costs twice as much, although it outperforms its predecessor.

ถึงแม้ว่าความหมายของตัวอย่างที่ 2 จะคล้ายตัวอย่างแรก แต่มีคำว่า although ซึ่งเป็น subordinate conjunction ประโยค it outperforms its predecessor จึงไม่สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ต้องมีประโยคแรกนำหน้าจึงจะให้ความหมายที่สมบูรณ์

ตัวอย่าง subordinate conjunction ที่ใช้บ่อย

after although as because before if once since that though unless until when whenever where wherever while

นอกจากนี้ ยังมีประโยค compound-complex sentence ซึ่งเป็นการรวม compound และ complex sentece เข้าด้วยกัน เช่น I know that the new processor still costs twice as much, but I do not care. ประโยคสีน้ำเงิน คือ independent clause ส่วนสีแดงคือ dependent clause